วช.-สวทช. เปิดตัว 3 นักวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ณ ห้อง Lotus Suite 9 ชั้น 22 บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมจัด “งานเปิดตัวนักวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568” โดย นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.),ศาสตราจารย์กิตติคุณพีระศักดิ์ จันทร์ประทีป ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว 3 นักวิจัยศักยภาพสูง ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568 และแถลงความสำคัญของโครงการวิจัยที่จะดำเนินการ รวมถึงผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยมีคณะกรรมการทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ผู้บริหาร วช. ผู้บริหาร สวทช. ผู้บริหารต้นสังกัดนักวิจัย นักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิ และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมงาน
นางสาวศิรินทร์พร เดียวตระกูล รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า (วช.) ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของ วช. โดยมุ่งเน้น 4 ด้าน ได้แก่
1) ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของนักวิจัยไทย เพื่อให้เกิดกลุ่มวิจัยที่เข้มแข็ง ทำงานเป็นทีม และมีโครงสร้างการพัฒนานักวิจัยอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงตั้งแต่ระดับนักศึกษา นักวิจัยรุ่นใหม่ นักวิจัยรุ่นกลาง จนถึงนักวิจัยอาวุโส
2) สร้างและบูรณาการองค์ความรู้ เพื่อสร้างผลกระทบ และความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม โดยสอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการของประเทศ
3) สร้างโอกาสการวิจัยและการใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ เช่น ด้านวิชาการ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและชุมชน ด้านนโยบาย และ
4) สร้างเครือข่ายการวิจัยระดับชาติ
และระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันผลผลิตงานวิจัย รวมถึงการสื่อสารข้อค้นพบทางวิชาการให้กับสังคมและชุมชน และการตอบสนองต่อปัญหาวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ โดยในปี 2568 (วช.) ร่วมกับ (สวทช.) เปิดรับข้อเสนอการวิจัยและนวัตกรรม “ทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง” ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านมนุษยศาสตร์ และได้ให้การสนับสนุนนักวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568 ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ชัย จาตุรพิทักษ์กุล จากสาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี,ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิง ณัฎฐิยา หิรัญกาญจน์จากสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพ และศาสตราจารย์,ดร.สุวบุญ จิรชาญชัย จากสาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี งบประมาณรวมไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อโครงการ ระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี ปัจจุบันทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูงนี้ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4ให้การสนับสนุนไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ
ดร.สมบุญ สหสิทธิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ (สวทช.) กล่าวว่า (สวทช.) เป็นหน่วยงานที่ดูแลและบริหารจัดการทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง โดยอาศัยกระบวนการบริหารจัดการงานวิจัยและกลไกบริหารโครงการวิจัยขนาดใหญ่ที่ (สวทช.) มีอยู่ รวมถึงการใช้ทรัพยากรและกระบวนการของ สวทช. ไม่ว่าจะเป็นฐานนักวิจัย โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือกลไกบริหารโครงการวิจัย โดยความร่วมมือระหว่าง (วช.) และ (สวทช.) จะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของบุคลากรวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ (วช.) และ (สวทช.) ร่วมดำเนินการพิจารณาข้อเสนอโครงการวิจัย โดยใช้เกณฑ์ครอบคลุมศักยภาพของบุคลากรและคุณค่าของโครงการ ผ่านคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อคัดเลือกโครงการที่มีความโดดเด่นและสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศอย่างแท้จริง
ศาสตราจารย์กิตติคุณพีระศักดิ์ จันทร์ประทีป ผู้แทนคณะกรรมการทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง กล่าวแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับนักวิจัยทั้ง 3 ท่านและทีมวิจัย ที่ได้รับทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ซึ่งล้วนเป็นนักวิจัยระดับแนวหน้าของประเทศที่มีผลงานวิจัยโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับ ทุนวิจัยนี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างทีมวิจัยที่เข้มแข็งที่มีศักยภาพระดับในและต่างประเทศ ซึ่งการทำงานเป็นทีมย่อมสร้างผลงานที่มีผลกระทบสูงและสามารถขยายผลได้อย่างกว้างขวางมากกว่าการทำงานเพียงลำพัง และการสนับสนุนจากหน่วยงานต้นสังกัดเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้นักวิจัยก้าวข้ามอุปสรรค บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้ทีมวิจัยเหล่านี้เป็นคลังสมองของประเทศ เพื่อสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่ๆ ขยายบทบาทสู่เวทีนานาชาติ และเสริมสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย
ภายในงาน ยังมีการแถลงงานวิจัยของนักวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568 และแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการวิจัยดังกล่าว โดยผู้ได้รับทุนส่งเสริมกลุ่มวิจัยศักยภาพสูง ประจำปี 2568 จำนวน 3 ท่าน ได้แก่
1. ศาสตราจารย์ ดร.ชัย จาตุรพิทักษ์กุล สังกัด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โครงการ “เทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นแนวหน้าในอุตสาหกรรมก่อสร้างเพื่อรองรับการพัฒนาเมกะซิตี้แห่งอนาคต” ผลผลิตที่ได้จากโครงการนี้จะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาเมกะซิตี้แห่งอนาคตของประเทศไทยในทุกมิติ ทั้งด้านกำลังคนทักษะสูง ด้านนวัตกรรมวัสดุสมัยใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้านบริหารจัดการเมืองและการประเมินความเสี่ยง
และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาเศษฐกิจและนโยบายเพื่อการสร้างเมืองแห่งอนาคต
ที่ยั่งยืน”
2.ศาสตราจารย์ ดร.แพทย์หญิงณัฎฐิยา หิรัญกาญจน์ สังกัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการ “แนวทางใหม่ในภูมิคุ้มกันบำบัด : ผสานการวิศวกรรมเซลล์ขั้นสูง การปรับโปรแกรมเซลล์ และการรักษาเสริมเพื่อโรคมะเร็ง และโรคอักเสบที่เกิดจากภูมิคุ้มกัน” จุดเด่นของโครงการนี้คือ การพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานจริงในโรงพยาบาลไทย ผ่านแพลตฟอร์มหลากหลาย รวมถึงแนวทาง Combination Therapy ที่ปรับระบบภูมิคุ้มกันหลายระดับพร้อมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่ซับซ้อน เช่น มะเร็ง โรคอักเสบเรื้อรัง และโรคภูมิต้านตนเอง การวิจัยครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบเซลล์รักษาเฉพาะบุคคล (CAR T cells) การพัฒนาแอนติบอดีรูปแบบใหม่ (BiTEs และ TriKEs) การใช้ข้อมูลพันธุกรรมเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ไปจนถึงการปรับเมตาบอลิซึมของเซลล์ด้วยโปรไบโอติกที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในกลุ่มโรคอ้วน ซึ่งสัมพันธ์กับการอักเสบเรื้อรังและความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในระยะยาว โครงการนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการแพทย์เฉพาะบุคคล
3.ศาสตราจารย์ ดร.สุวบุญ จิรชาญชัย สังกัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการ “บนความท้าทายของไบโอรีไฟเนอรี่อุตสาหกรรมขั้นปลาย: การพัฒนาวัสดุขั้นสูง วัสดุกลไกพิเศษ และวัสดุนวัตกรรมจากพอลิเมอร์ สีเขียวเพื่อการแข่งขันได้อย่างยั่งยืนของประเทศไทย” มุ่งเปลี่ยนผ่านจากการใช้ทรัพยากรปิโตรเลียมสู่การใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างชาญฉลาด ด้วยองค์ความรู้ด้านเคมีพอลิเมอร์ในการพัฒนาโครงสร้างวัสดุใหม่ เช่น ตัวเร่งปฏิกิริยาเปิดปิดตนเองได้ อุปกรณ์
ขยายหลอดเลือดจดจำรูปร่างได้ อีลาสโตเมอร์ชีวภาพย่อยสลายได้พลาสติกจากแป้งซ่อมแซมตัวเองได้ พลาสติก จากเมล็ดยางซ่อมแซมตัวเองได้ เจลชีวภาพเคลื่อนไหวได้ บรรจุภัณฑ์นำไฟฟ้าจากพลาสติกชีวภาพ ถุงร้อนถุงเย็น จากพลาสติกชีวภาพ นวัตกรรมดึงยืดเพื่อเพิ่มความเหนียวพลาสติกชีวภาพ นวัตกรรมควบคุมการย่อยสลายพลาสติกชีวภาพ และวัสดุขั้นสูงทางการแพทย์ สะท้อนภาพอนาคตของอุตสาหกรรมไทยภายใต้แนวคิด “เศรษฐกิจชีวภาพ” (Bioeconomy) และ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” (Sustainable Development Goals)
ทั้งนี้ผลงานที่จะเกิดขึ้นภายใต้การดำเนินงานของนักวิจัยศักยภาพสูงทั้ง 3 ท่าน มุ่งเน้นผลสำเร็จ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในมิติต่างๆ ทั้งมิติด้านวิชาการ ด้านเศรษฐกิจ และด้านนโยบาย เพื่อใช้เป็นกลไกในการพัฒนาและแก้ปัญหาเร่งด่วนสำคัญของประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนากำลังคนและสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้เป็นฐานการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศแบบก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม